มาดู 10 อันดับเมืองที่น่าไปเรียนต่อที่สุดในโลก ของ The QS Best Student Cities ประจำปี 2557
อันดับ 1 กรุงปารีส (Paris) ประเทศฝรั่งเศส
สำหรับอันดับ 1 นั้นไม่พ้นมหานครและมหาอำนาจด้านความงามและศิลปะของโลก กรุงปารีสจากดินแดนน้ำหอมของประเทศฝรั่งเศสนี้เอง ถึงแม้ว่าค่าครองชีพของเมืองนี้จะค่อนข้างสูง แต่แลกกับคุณภาพชีวิตที่ยอดเยี่ยมและค่าใช้จ่ายในการศึกษาที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลแล้ว มหานครแห่งนี้แหละ สามารถผลิตนักศึกษาหัวกะทิที่เป็นที่ต้องการตบตีแย่งชิงของเหล่าบรรดาผู้ประกอบการจากทั้งในและต่างประเทศไม่น้อยกว่าในละครไทยเลยทีเดียว
มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงประจำเมืองนี้ก็เห็นจะไม่พ้น École normale supérieure หรือ Normale สถาบันวิชาชีพขั้นสูงที่ก่อตั้งในปี 1794 ซึ่งตั้งอยู่ที่ Quartier Latin โดยวิทยาลัยนี้ได้รับการการันตีว่าอยู่แถวหน้าของยุโรปมาโดยตลอด พ่วงด้วยอันดับ 34 ของโลกในการจัดอันดับของ QS ปี 2012-2013 อีกด้วย
อันดับ 2 กรุงลอนดอน (London) ประเทศอังกฤษ
นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเช่น Tower of London และหอนาฬิกาบิ๊กเบนแล้ว ความต้องการในด้านแรงงานของผู้ประกอบการและความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักศึกษาได้ส่งให้กรุงลอนดอน เมืองหลวงของเมืองผู้ดีประเทศอังกฤษ เข้ามาในอันดับ 2 ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ถึงแม้จะมีค่าครองชีพที่สูงลิ่ว และคุณภาพชีวิตที่ไม่ค่อยดีสักเท่าที่ควร(ถ้าเทียบกับค่างครองชีพที่เสียไป) แต่เมืองหอนาฬิกาแห่งนี้ ก็ยังเป็นเมืองในฝันของนักศึกษาหลายๆ คนอย่างไม่เสื่อมคลาย ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ความเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม สีสันในชีวิตยามกลางวันและแสงสีความบันเทิงเมื่อยามอาทิตย์อัสดง ทาง The QS Best Student Cities จึงไม่ลังเลที่จะเลือกเมืองนี้เป็นอีกหนึ่งเมืองในอุดมคติของนักศึกษาเลยจ้า
สำหรับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของย่านนี้ก็คือ University College London (UCL) ที่ติดอันดับ 4 ของโลกในปัจจุบัน
อันดับ 3 สิงคโปร์ (Singapore) ประเทศสิงคโปร์
ในที่สุดก็ถึงทางฝั่งเอเชียของเราผงาดสู้ขึ้นบ้าง ดินแดนแห่งลอดช่อง ประเทศสิงคโปร์ ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของเรานี่เอง ประเทศอันดับ 1 ของอาเซียน คุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของที่นี่นับว่าสูงเตะตาติดอันดับท๊อบของโลกเลยทีเดียว
การที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม อีกทั้งนักศึกษาที่จบจากมหาวิทยาลัยในประเทศสิงคโปร์นั้น นับได้ว่าเป็นชั้นอ๋องเลยค่ะ เพราะว่าจะเป็นหนุ่มหรือสาวเนื้อหอมในตลาดแรงงานกันเลยทีเดียว แต่สิงคโปร์มีจุดด้อยก็คือ ค่าครองชีพที่สูงมากที่ทำให้นักศึกษาที่รายได้ไม่สูงมากนักต้องคิดกันอีกตลบล่ะค่ะ
สำหรับมหาวิทยาลัยติดอันดับประจำเมืองสิงโตพ่นน้ำนี้ก็คือ National University of Singapore (NUS) โดยติดอยู่ในอันดับที่ 24 ของโลก หากใครอยากเรียนต่อต่างประเทศ แต่ไม่อยากไปไกลแล้วล่ะก็ ขอฝากประเทศนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของนักศึกษาผู้ล่าฝันกันอีกสักประเทศนะคะ
อันดับ 4 ซิดนีย์ (Sydney) ประเทศออสเตรเลีย
ถึงคิวของแดนจิงโจ้ประเทศออสเตรเลียกันบ้างนะคะ สำหรับประเทศนี้นับว่าเป็นประเทศยอดฮิตของนักศึกษาทั่วโลก รวมถึงนักศึกษาชาวไทยเลยทีเดียว
มหานครโรงโอเปร่าแห่งนี้ได้คะแนนสุงสุดจากการประเมิณในด้านคุณภาพชีวิตของนักศึกษา ตามมาติดๆ ด้วยความหลากหลายของเชื้อชาติ อีกทั้งความต้องการนักศึกษาที่จบใหม่ในตลาดแรงงานก็อยู่ในเกณฑ์ดี เว้นเสียแต่ว่าในส่วนของค่าครองชีพที่จะค่อนข้างสูงสักหน่อย แต่นั้นก็ไม่ได้ระคายผิวเมืองซิดนีย์แห่งออสเตรเลียแม้แต่น้อยค่ะ
นอกจากนี้ซิดนีย์ยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง University of Sydney ซึ่งติดอยู่ในอันดับที่ 38 ของโลกคอยปั้นนักศึกษาเด็กเทพให้ผู้ประกอบการอยู่ตลอดและในขณะนี้ประเทศออสเตรเลียยังครองตำแหน่งประเทศที่มีคนนิยมเรียนต่อมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจากอเมริกาและอังกฤษอีกด้วย การันตีด้วยตำแหน่งมากมายอย่างนี้ ไม่ไปเรียนไม่ได้แล้ววว แว้ววว แว้ววว แว้ววว !!
อันดับ 5 เมลเบิร์น (Melbourne) ประเทศออสเตรเลีย
สำหรับอันดับที่ 5 ก็ยังไม่พ้นเมืองจากดินแดนกีวี นับว่าเป็นประเทศที่น่าสนใจทีเดียว เพราะเรียกได้ว่าเป็นประเทศแรกและประเทศเดียว ที่ติดท๊อป 5 ถึง 2 เมืองด้วยกัน สำหรับเมลเบิร์น เมืองหลวงเก่าของประเทศออสเตรเลียแห่งนี้ เกือบครองตำแหน่งร่วมกับเมืองซิดนีย์เสียแล้ว แต่มีเหตุให้คลาดตกมาอยู่อันดับ 5 เพราะคะแนนในด้านคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่าเล็กน้อย แต่เพียงเท่านี้ก็เรียกได้ว่าสูงกว่าบรรดาเมืองเอกของโลกเช่น ปารีส และลอนดอนเสียอีก
เมืองนี้มีมหาวิทยาลัยชื่อก้องที่กินตำแหน่งสถาบันอันดับ 31 ของโลกอยู่ก็คือ University of Melbourne ค่ะ
นอกจากเมลเบิร์นจะเป็นเมืองสำหรับการศึกษาแล้ว การท่องเที่ยวก็เรียกได้ว่าแซ๋บไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์ ชายหาด งานศิลปะ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ สถานบันเทิงยามราตรี นับได้ว่าเป็นอีกเมืองที่ดึงดูดเหล่าอาคันตุกะจากทั่วโลกมาละลายทรัพย์กันได้อย่างเมามันส์เลยก็ว่าได้ นักศึกษาขาเที่ยวระวังตัวกันไว้ดีๆ นะจ๊ะ เพราะสิ้นเดือนอาจได้น้ำตาตกกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันได้นะ อิอิ
อันดับ 6 ซูริค (Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
มาถึงดินแดนโลกสวยอย่างประเทศสวิตเซอรืแลนด์กันบ้างนะคะ ซูริค เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ นำลิ่วมาด้วยคะแนนคุณภาพชีวิต จากการวางผังเมืองที่สวยงามและเป็นระบบ ในส่วนของอัตราการเกิดอาชญากรรมก็ถือว่าน้อยมาก นับได้ว่าเป็นอีกเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้
ในด้านการศึกษาเมืองนี้ถือว่าค่าเล่าเรียนค่อนข้างถูกกว่าที่อื่นพอสมควร คุ้มค่าคุ้มราคาแน่นอนค่ะ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในแถบนี้ก็เห็นจะไม่พ้น สถาบันเทคโนโลยีสวิส ซูริค (ETH Zurich) ติดอันดับที่ 12 ของโลก และเป็นมหาวิทยาลัยเดียวที่ติดอันดับสูงสุดที่นอกเหนือจากมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ และอเมริกาค่ะ
อันดับ 7 ฮ่องกง (Hong Kong) เขตการปกครองพิเศษฮ่องกง
กลับมาสู่ฝากเอเชียของเราอีกครั้ง กับเมืองที่ดีที่สุดสำหรับการศึกษาเป็นอันดับ 2 ของเอเชียอย่าง ฮ่องกง ซึ่งอันดับ 7 นี้นับได้ว่าขยับขึ้นมาจากการจัดอันดับครั้งก่อนค่อนข้างเยอะเลยก็ว่าได้
แม้ว่าจะมีมหาวิทยาลัยของรัฐเพียง 7 แห่งเท่านั้น แต่ 3 ใน 7 แห่งของมหาวิทยาลัยของรัฐ ก็สามารถติดอันดับในการจัดอันดับ 40 สุดยอดมหาวิทยาลัยโลกของ QS World University ได้ โดยมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับสูงสุดก็คือ The University of Hong Kong (HKU) ที่ติดอยู่ในอันดับที่ 26 ค่ะ
ถึงแม้ความหนาแน่นของประชากรของฮ่องกงจะสุงมากเมื่อเทียบกับเมืองติดอันดับอื่นๆ แต่ในด้านของค่าครองชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของประชากรค่อนที่ข้างถูก รวมความหลากหลายผสมผสานทางวัฒนะรรมระหว่างเอชียและตะวันตก ทำให้การปรับตัวเพื่อเข้ากับสิ่งแวดล้อมของนักศึกษาต่างชาติจะค่อนข้างง่าย และที่สำคัญอยู่ใกล้ประเทศไทยของเรามากๆ ค่ะ ใครที่กำลังหาที่เรียนต่อดีๆ แต่ไม่ใกล้ไม่ไกลอยู่ล่ะก็ ฮ่องกงนับได้ว่าเป็นอีกแหล่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
อันดับ 8 บอสตัน (Boston) ประเทศสหรัฐอเมริกา
ออกจากโชคร้ายกันสักหน่อยสำหรับเมืองจากประเทศลุงแซมแห่งนี้ เพราะว่าบอสตันร่วงมาจากอันดับ 3 ของเมืองที่น่าไปเรียนที่สุดในโลก มาอยู่ที่อันดับ 8 แต่ก็ยังถือได้ว่าเป็นเมืองในฝันของนักศึกษาและผู้ประกอบการหลายๆ คนอยู่ดีค่ะ เพราะบอสตันนี้เป็นศูนย์กลางการศึกษาที่สำคัญแห่งหนึ่งของอเมริกา
บอสตันมีแหล่งการศึกษาที่สำคัญทั้งหมด 8 แห่งด้วยกัน แต่ที่โดดเด่นก็เห็นจะไม่พ้น Massachusetts Institute of Technology (MIT) และ Harvard University มหาวิทยาลัยเก่าแก่ชื่อกระฉ่อนของอเมริกา คงไม่ต้องบอกนะคะในเรื่องชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เวิร์ลคลาสอย่างแน่นอนค่ะ
ด้วยคะแนนในด้านความต้องการของผู้ประกอบการที่สูงลิบด้วยเหตุผลที่ว่า ใครๆ ก็อย่ากร่วมงานกับนักศึกษาจากบอสตันกันทั้งนั้น ส่งผลให้บอสตันช่วงชิงอันดับ 8 แห่งเมืองที่น่าไปเรียนที่สุดในโลกของ The QS Best Student Cities มาครองค่ะ
อันดับ 9 มอนทรีออล (Montréal) ประเทศแคนาดา
หลังจากการบุกป่าฝ่าดงงมกบงมเขียดกันมานาน สุดท้ายมอนทรีออลก็ไต่อันดับขึ้นมาจนติด 1 ใน 10 เมืองที่น่าไปเรียนต่อที่สุดในโลก นำธงมาด้วยมหาวิทยาลัย McGill University อยู่ในอันดับที่ 21 ของการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลก ณ ขณะนี้นี่เอง
สำหรับเมืองนี้มีคะแนนโดดเด่นในด้านของความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักศึกษา และยังเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง ทำให้ประชากรสามารถพูดได้หลายภาษา นอกจากนี้ในด้านการท่องเที่ยวก็ไม่แพ้กัน มอนทรีออลมีการจัดกิจกรรม และเทศกาลต่างๆ อยู่เป็นประจำ Montreal International Jazz Festival งานศิลปวัฒนธรรมด้านดนตรี หรือ Just for Laughs เทศกาลตลกที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
อันดับ 10 มิวนิก (Munich) ประเทศเยอรมนี
ในที่สุดก็มาถึงอันดับสุดท้ายของเรานะคะ เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนีนี้นี่เอง นอกจากความโดดเด่นในด้านเบียร์และฟุตบอลแล้ว ในด้านการศึกษาก็จัดจ้านเช่นเดียวกัน เพราะมีมหาวิทยาลัยชื่อดังชั้นนำของยุโรปตั้งอยู่ที่เมืองแห่งนี้ด้วย คือ Technische UniversitätMünchen มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดเป็นอันดับ 2 ของประเทศเยอรมนี และติดอันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของโลกอยู่ในอันดับที่ 53
นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้มิวนิกก้าวกระโดดขึ้นมา 3 อันดับจากปีที่แล้วก็คือ คะแนนคุณภาพชีวิตที่ดีของนักศึกษา ค่าครองชีพที่ค่อนข้างสมเหตุสมผล รวมถึงค่าเล่าเรียนที่ไม่ได้แพงเฟ่อร์อย่างที่คิด ทำให้มิวนิกเป็นอีกหนึ่งเมืองที่นักศึกษาจากทั่วโลกมองข้ามกันไม่ได้เลยล่ะค่ะ
Source : TopUniversities, scholarship.in.th |