1. ทำไมตัดสินใจสมัครเป็นออแพร์
พี่ได้รู้จักโครงการออร์แพจากเพื่อน แนะนำ เพื่อนคนนี้เป็นผู้ชายเคยมีประสบการณ์ WORK AND TRAVEL เพื่อนบอกว่าเป็นโอกาสสักครั้งที่ได้ไปใช้ชีวิตที่อเมริกาโดยใช้ค่าใช้จ่ายน้อยมาก ยัง ได้ภาษา ประสบการณ์ แถมยังมีเงินเก็บกลับมาอีก จึงเกิดความสนใจ แต่ไม่ทราบรายละเอียดจริงๆๆ ของโครงการ จากนั้นจึงเริ่มหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตว่าออแพร์คืออะไร กันแน่ ต้องทำอย่างไรบ้าง พี่เลยหาข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ พอทราบรายละเอียดคร่าวๆๆ ก็คิดว่าจะทำได้เหรอไม่ง่ายเลย แล้วที่บ้านจะให้ไปมั้ย? ความกลัวเกิดขึ้นมากมาย สับสน ถ้าไปต้องแลกกับประสบการณ์การทำงาน อนาคตจะเป็นอย่างไร การไปอยู่บ้านคนอื่นที่ไม่ใช่ญาติเรามันไม่ง่าย ต้องอึดอัด ถ้าไปแล้วต้อง rematch เหมือนอ่านเจอในเว็บไซต์แล้วจะทำไง เจอโฮสไม่ดีจะเป็นอย่างไร แต่คนอื่นเค้ายังทำกันได้ เราก็อย่างจะทำได้นะ ความคิดสับสนหลายอย่าง แต่พี่ก็ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ เพราะพี่ไม่อยากไม่อยากมาหวนคิดที่หลังว่าวันนั้นทำไมไม่ตัดสินใจนะ และพลาดโอกาศที่อาจเป็นเพียงแค่คร้งเดียวที่จะผ่านเข้ามา อีกทั้งแรงพลักดันด้านภาษาอยากกล้าที่จะพูดกับฝรั่ง อยากมั่นใจ อยากได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จึงตัดสินใจหาเอเจนซี่ทางด้านออร์แพเพื่อสอบถามให้มั่นใจ และรู้จักโครงการนี้มากขึ้น พี่เลยเลือก สมัครกับเรียนนอก เพราะพี่ๆที่เรียนนอกเค้าได้เข้าร่วมโครงการออแพร์จริงและคิดว่าประสบการณ์ของพี่ๆจะสามารถให้คำแนะนำได้เป็นอย่างดี และอีกอย่าง พี่รู้ ประสบการณ์แบบนี้มันไม่ใช่ทุกคนที่จะมีได้ มันอยู่ที่ว่าเรากล้าที่จะเดินหน้าทำสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น มีโอกาสได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มันคือประสบการณ์ที่ไม่ได้มีกันได้ทุกคน
2. เราคาดหวังว่าจะได้อะไรจากโครงการ
พอได้รู้จักโครงการจากทางพี่ๆเรียนนอก ของเอเจนซี่โครงการออแพร์ ว่าโครงการให้อะไรกับเราบ้าง บวกกับเราอยากได้อะไรจากโครงการนี้ สิ่งที่คาดหวังอันดับแรกคือ การพัฒนาทางด้านภาษา กล้าที่จะพูดคุยกับชาวต่างชาติโดยไม่เกร็งหรือเขินอายการได้เรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรม การท่องเที่ยว รู้จักเพื่อนต่างชาติ ได้รู้จักการใช้ชีวิตสไตล์คนอเมริกัน การกิน การอยู่ การดำเนินชีวิตและสิ่งอื่นๆอีกมากมาย ที่เราไม่สามารถหาได้ในประเทศไทย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งแรกที่หวังคือได้มีประสบการณ์ชีวิตที่สามารถนำมาเป็นประโยชน์ในอนาคตได้
3. ประสบการณ์ ในการเตรียมตัวสู่การเป็นออแพร์
หลังจากที่ตัดสินใจเดินหน้าเข้าสู่การเป็นออแพร์ การเตรียมตัวที่สำคัญคือ การมีประสบการณ์เกี่ยวกับเด็ก ช่วงวัยไหนที่เราต้องการ สำหรับพี่พี่มีประสบการณ์ดูแลเด็กจากญาติ และเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกัน บ้านอยู่ใกล้กันมา และพี่ก็ได้เก็บประสบการณ์เพิ่มเติมจาก สถาบัน I-connect โชคชัยสี่เป็นการเก็บชั่วโมงเด็กช่วงอายุ 3-7 ขวบ แต่มันก็ไม่ง่ายเพราะพี่ต้องทำงาน จันทร์ถึงศุกร์ และต้องไปเก็บชั่วโมงเสาร์ อาทิตย์ พี่ใช้เวลาประมาณห้าเดือนในการเก็บชั่วโมง เพราะพี่ไม่มีเวลาช่วงจันทร์ถึงศุกร์ แต่พี่ก็รู้ว่ายิ่งชั่วโมงเยอะก็จะยิ่งสร้างความมั่นใจให้ครอบครัวโฮสมากขึ้น และมีโฮสมาดูข้อมูลโปรไฟล์เรามากด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านชั่วโมงดูแลเด็ก หรือเอกสารรับรอง การตรวจร่างกาย การขับรถ เป็นต้น ดังนั้น พี่อยากให้น้องๆๆ อย่าท้อ ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ขอให้เราได้พยายามให้ดีที่สุด เมื่อเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย ข้อมูลออนไลน์แล้ว ก็มาสู่ขั้นตอนการสัมภาษณ์พี่ก็ได้เข้าร่วมการอบรมและ ปฎิบัติตามที่พี่ๆๆ ทางเอเจนซี่แนะนำ คือการเตรียมตัวในการสัมภาษณ์กับโฮสอะไรที่ควรตอบ อะไรที่ควรถาม ขอให้ทำตามคำแนะนำเลยสามารถผ่านไปได้ด้วยดี และสิ่งที่สำคัญที่พี่อยากเตือน คือ ควรคุยกับโฮสให้ละเอียด อย่ารีบร้อน match ถ้าไม่รู้หรือไม่เข้าใจ พี่แนะนำให้ถามเอเจ้นซี่
4. เมื่อเดินทางสู่บ้านโฮสแฟมิลี่ ออแพร์ควรปรับตัวอย่างไร
พี่ขอให้เราคิดว่าโฮสเป็นเหมือนญาติเรา เด็กๆๆ เป็นเหมือนน้อง เหมือนหลานเรา อย่าคิดว่าเป็นหน้าที่เหมือนทำงานในบริษัท เราจะได้ไม่กดดัน มีอะไรถามโฮสให้ชัดเจน พอไปถึงบ้านโฮสขอให้พูดคุย สรุปให้เข้าใจตรงกันถึงหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอีกครั้ง ต้องโฟกัสกับเด็กๆๆ อย่าลืมว่าเด็กฝรั่งกับเด็กไทยต่างกัน เราต้องไม่คาดสายตาจากเด็กๆๆ มีอะไรสงสัยอย่าเก็บไว้ ให้ถามโฮสให้เข้าใจ อย่าลืมว่าคนไทยเป็นคนใจดี การที่เรามีจิตใจดี อ่อนน้อม ช่วยเหลือ เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้โฮสประทับใจ เช่น ถ้าโฮสให้เริ่มงานเจ็ดโมงเช้า เราก็ควรลงมาก่อนเวลาสักห้าหรือสิบนาทีแล้วแต่เราจะสะดวก แต่ไม่ควรสาย อย่าลืมว่าการอยู่บ้านคนอื่นไม่ง่าย แล้วต้องปรับความคิด อย่าเป็นปาร์ตี้เกิลจนเกินไป.
5. มาสู่เรื่องการเรียน การเที่ยว การคบเพื่อนของสาวออแพร์
การเรียนเป็นอันดับแรก เพราะเราต้องสำเร็จ 6 หน่วยกิต หรือ 60 ชั่วโมง ดังนั้นอย่าชะล้าใจคิดว่าเดี่ยวก็ได้ พี่แนะนำว่าพอไปถึงบ้านโฮสสักสองเดือนก็ให้เริ่มหาที่เรียน เหรอถามจากโฮส ในการเรียนพี่ก็ขอให้เราตรวจสอบกับแอร์เรียไดเร็กเตอร์ให้ดีเพราะจะมีบางวิชาที่ทางออแพร์ไม่นับหน่วยกิต เราจะได้ใช้เงินที่โฮสให้ 500 เหรียญให้เกิดประโยชน์สูงสุด ถ้ามีโอกาสพี่ก็อยากแนะนำให้หาอะไรที่เราสนใจเรียนเพิ่มเติม จะได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ได้ฝึกทักษะการพูด
การเที่ยว พี่อยากให้มีการวางแผนเพราะออแพร์จะได้ vacation ประมาณสองอาทิตย์ เราจะได้เตรียมตัวในการเก็บตัง และตกลงกับโฮสเรื่องวันหยุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อเราได้วันหยุดประจำสัปดาห์เราก็สามารถออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆๆ ออร์แพได้อยู่แล้ว และถ้าโฮสไปเที่ยวแล้วชวนเราไปด้วย พี่ก็ว่าเป็นโอกาสที่ดีของเราแต่ก็ต้องตกลงให้ชัดเจน พี่อยากให้น้องๆๆ ได้ไปเที่ยวรัฐต่างๆ สิ่งที่บ้านเราไม่มี
การคบเพื่อนเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีการพัฒนาทางด้านภาษา การที่เราได้พูดเยอะๆ นั่นหมายถึงภาษาเราก็พัฒนาได้เยอะ ทุกๆ เดือนจะมีออแพร์มีตติ้ง ถ้าไม่ติดอะไรพี่แนะนำให้เข้าเพราะเราจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ได้ทำกิจกรรม ได้พูดคุยกับแอร์เรียไดเร็กเตอร์ เพื่อนคนไทยจะทำให้เรารู้สึกอบอุ่น เพื่อนต่างชาติจะทำให้เรามีการพัฒนาด้านภาษา การคบเพื่อนเป็นสิ่งที่ดี แต่การไปปาร์ตี้กับเพื่อนทุกวันแล้วกลับดึกๆ พี่ไม่แนะนำ เพราะโฮสจะคิดว่าเราไม่สามารถดูแลลูกเค้าได้เต็มที่
6. หลังจากที่กลายเป็นออแพร์ที่ประสบความสำเร็จ แล้วสามารรถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ กลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
พี่ถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จเพราะพี่คิดว่าพี่ปฏิบัติหน้าที่ออร์แพได้ครบถ้วนสมบูรณ์ พี่กล้าพูดกับฝรั่ง กล้าไปธนาคาร ไปทำธุรกรรมต่างๆ ได้คนเดียวโดยไม่กลัว ขับรถไปซื้อของ ไปเที่ยว คนเดียวอย่างมั่นใจ กล้าที่จะถามโดยไม่เกร็งไม่เขิน ได้ท่องเที่ยว ได้เรียนรู้วัฒนธรรม และที่สำคัญรู้สึกสบายใจที่อยู่กับครอบครัวโฮส เมื่อพี่ได้กลับมาพี่สามารถนำประสบการณ์เหล่านั้นมาใช้ ใกล้ตัวเลยคือพี่สามารถฝึกพัฒนาการของหลานพี่ นำสิ่งที่เรียนรู้จากการดูแลเด็กมาปรับใช้กับเด็กไทย และพี่คิดว่าพี่จะนำประสบการณ์ด้านภาษาไปใช้ในการทำงานได้ดี เมื่อมีฝรั่งถามพี่สามารถตอบได้.
สวัสดีค่ะ ปุ๊ก น่ะค่ะ ตอนนี้เป็นออแพร์อยุ่ที่ Brooklyn ,NY ค่ะ เข้าร่วมโครงการตั้งแต่เดือน เมษายน 2555 ใช้เวลาทำเอกสาร 1เดือน จากนั้นก้อออนไลน์ ให้เวลา 1 สัปดาห์ มีโฮสวิวทั้งหมด 5 บ้าน ตัดสินใจแมชกับบ้านที่ 3 ค่ะ
เหตุผลที่ตัดสินเข้าร่วมโครงการนี้ เนื่องจากส่วนตัวมีเป้าหมายต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานมากยิ่งขึ้น โดยศึกษาข้อมูลการศึกษาต่อต่างประเทศ เช่น คอสระยะสั้น 6 – 12 เดือน , work and study แต่สุดท้ายด็เลือกโครงการ AuPair ค่ะ ซึ่งหลังจากประเมินข้อมูลในทุกด้าน ร่วมถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากแต่ละโครงการแล้ว คิดว่าโครงการออแพร์ดีที่สุดค่ะ เป็นโครงการที่มีโอกาศในการได้รับเลือกให้เข้าร่วมได้สูงกว่าโครงการอื่นๆ เป็นโครงการที่เปิดโอกาศให้คนไทยที่มีความต้องการที่จะเรียนรู้และไปอเมริกา และที่สำคัญได้มีโอกาศอยู่ร่วมกับครอบครัวอเมริกัน เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากชีวิตประจำวัน รวมทั้งโอกาศในการเข้าเรียนกับมหาวิทยาลัยในอเมริกาควบคู่กันไปกับการทำงาน การที่เราได้อยุ่ร่วมกับ host family นั้น ถือเป็นแนวทางที่ดีทีสุดในการพัฒนาภาษาอังกฤษทำให้เราพัฒนาภาษาไปได้เร็วกว่าการนั่งเรียนในห้องเรียนที่เมืองไทย นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมต่างชาติควบคู่กันไปอีกด้วย
ตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมาใน USA นั้น ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากขึ้น ทำให้มีความคิดและมุมมองที่เปลี่ยนไป คือ มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ได้เปลี่ยนทัศนคติในการทำงาน และการดำรงชีวิต และที่สำคัญคือภาษาอังกฤษดีขึ้นมากค่ะ เมื่อเปรียบเทียบตอนอยู่ที่เมืองไทยจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ทักษะในการฟัง พูด ดีขึ้นมากค่ะ และส่วนนึงอีกส่วนหนึ่งก็คือการที่ปุ๊กมีเพื่อนต่างชาติทำให้เราได้มีโอกาศในการฝึกภาษามากขึ้นไปอีกค่ะ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าโครงการ AuPair เป็นโครงการที่ดีมากสำหรับคนที่ต้องการฝึกภาษา และหาประสบการณ์ในการทำงานต่างประเทศ
การก้าวสู่การเป็นออแพร์นั้นนอกจากจะพัฒนาภาษาอังกฤษ เรียนรู้วัฒนธรรม ท่องเที่ยวแล้วนั้น สิ่งนึงที่เราได้รับคือทัศนคติและมุมมองที่เปลี่ยนไป มีความอดทน ใจเย็น กล้าแสดงออก มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ตรงต่อเวลา รักษาคำพูด ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการทำงานและการอยุ่ร่วมกับสังคมภายนอก ซึ่งเราสามารถนับกลับไปปรับใช้กับชีวิตการทำงานในอนาคตได้อย่างแน่นอนค่ะ
สวัสดีค่ะพี่ฟ้า กิ๊กเองนะค่ะ
ถ้าให้เล่าความรู้สึกที่มาอยู่ที่นี่
วันแรกที่มาถึงมินนิโซต้าหาโฮสไม่เจอค่ะ คิคิ พยายามโทรหาเขาสองครั้งก็ไม่รับสาย
ตอนนั้นตกใจเหมือนกันจะทำยังไงดีเอ๋ย เลยเดินไปที่ประชาสัมพันธ์
ถามเขาว่าเราจะทำยังไงดี แล้วหลังจากนั้นมองไปมองมา
นั้นโฮสเราหรือเปล่ามากับเด็กชายอีกสองคน พอเรียกชื่อเขาไป เขาหันมาด้วย ว้าวว
โฮสเราจริงๆด้วย ตอนนั้นดีใจมากที่เจอโฮสเลยวิ่งมากอดกันแน่นเลย
เพราะถ้าไม่เจอโฮสตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำไงดี คิดไม่ออก >,<
พอเจอโฮสแม่แล้วก็เดินมาขึ้นรถโฮสพ่อเป็นขับมาแล้วในรถก็มีน้องคนเล็กอยู่ในรถ
ความรู้สึกที่อยู่ในรถ รู้สึกเกร็งค่ะ มันบรรยายไม่ถูก รอบตัวเรามีแต่คนไม่คุ้ยเคย
แล้วก็พูดแต่ภาษาอังกฤษ พยายามฟังว่าเขาพูดอะไร
พูดตอบกลับไปก็ตะกุกตะกักไม่ค่อยลื่นเท่าไหร่เลย
พอมาถึงบ้านโฮสแม่ก็พาทัวร์บ้านว่าตรงไหนมีอะไรบ้าง ห้องนอนเราอย่ตรงไหน
เดินรอบบ้านเลย ส่วนโฮสพ่อหุงข้าวทำกับข้าวให้กินคร้า สักพักโฮสยายมา
โฮสยายน่ารักมาก เป็นกันเอง วันแรกก็ผ่านไปอย่างมีความสุข
ส่วนวันต่อๆมาก็มีเรื่องที่ต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นการขับรถไปที่ต่างๆ โดยเฉพาะขับไปโรงเรียนของน้องๆ แล้วก็มหาลัยของเรา
ครั้งแรกที่ขับไปมหาลัย หลงทางค่ะ โทรศัพท์ก็ไม่มี แอบตกใจเล็กน้อย
แต่ก็หาที่จอดแล้วถามทางเอาก็เลยทำให้กลับมาได้ในที่สุด 555 พอดีกิ๊กมาช่วงที่เขากำลังจะเปิดเรียนภาค Fall เลยทำให้ตัดสินใจลงเรียนไปเลยไม่งั้นก็ต้องรอหน้าหนาว
ซึ่งไม่อยากขับรถฝ่าหิมะไป ดังนั้นลงเรียนมันเลยสรุปตอนนี้ก็เลยเรียนอยู่สี่วัน
ส่วนศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เที่ยวเล่นค่ะ
ส่วนโฮสนั้น บ้านนี้ค่อนข้างแฟร์เลยที่เดียว ถ้าวันไหนเรามาสายหรือขับมาไม่ทันเวลาเราเลิกงานจริงๆ เขาก็จะลดเวลาทำงานวันอื่นให้เรา ซึ่งก็โอเคเลย ให้อิสระเรา ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรสำหรับบ้านนี้ แต่เราก็ควรบอกเขาว่าเราจะไปไหน ไปทำอะไร กับใคร ถ้าจะกลับดึกหรือนอนค้างบ้านเพื่อนก็ให้โทรมาบอก เขาจะได้สบายใจ กับโฮสไม่มีปัญหาอะไรเลย ทุกอย่างเพอร์เฟ็ค สำหรับโฮสเด็ก กิ๊กดูแลทั้งหมดสามคน โดยสองคนโตทุกวันจะไปโรงเรียน โดยเรามีหน้าทีขับรถไปส่งน้องๆที่โรงเรียน ส่วนตัวเล็ก อยู่กับกิ๊กตลอดเวลาคร้า ตัวเล็กค่อนข้างเลี้ยงง่ายและเข้ากันได้มีอย่างรวดเร็ว ส่วนสองคนโตบางครั้งก็มีทำให้เรารู้สึกแย่บ้าง เช่น ตะโกนใส่หน้า ไม่เชื่อฟัง แรกๆมาก็รู้สึกแย่ว่าทำไมเป็นกันแบบนี้ แต่ก็เห็นพฤติกรรมที่เขาทำกับพ่อแม่เขาก็เลยคิดว่าที่เราโดนไม่แปลก ตอนแรกไม่รู้จะทำยังไงดี จะเอาน้องยังไงให้อยู่ ก็ลองคุยปรึกษากับโอสแม่ดูว่าเราเจอแบบนี้ น้องทำแบบนี้ ถ้าเป็นแบบนี้ให้เราทำไง โฮสแม่ก็แนะนำมาแล้วให้สิทธิ์เราตัดสินใจเต็มที่ เช่น ถ้าน้องดื้อไม่ฟังให้ลงโทษได้เลย หรือถ้าน้องจะเอาอะไรแล้วเราไม่เห็นด้วย ไม่ต้องถามเขา เขาให้เราตัดสินใจได้เลย สิทธิ์นั้นอยู่กับเรา จากนั้นเลยจัดการกับน้องได้เต็มที่หน่อยค่ะ น้องก็เลยเชื่อฟังเรามาขึ้น เพราะถ้าไม่ฟังเรา น้องก็ต้องโดนลงโทษจากพ่อแม่ เพราะกิ๊กไปฟ้อง 555 ตอนนี้ก็เลยไม่มีปัญหากับน้องๆแล้ว ค่อนข้าง control อยู่
สำหรับเพื่อนที่นี่ เพื่อนใน Area director เดียวกันน่ารักมากค่ะ AD ของกิ๊กก็น่ารัก เขาเพิ่งมาเป็นแต่ทำหน้าที่ได้ดีมาก เป็นกันเอง ทำให้รู้สึกอบอุ่น เพื่อนก็มีออกไปจอยหรือไปเที่ยวกันบ้าง
สรุปโดยรวม ตอนนี้มีความสุขมากค่ะ ยังไม่มีอาการ homesick แต่ Thai-food sick แทนได้ไหมอ่ะ 555 โดยรวมทุกอย่างราบรื่นค่ะ
ตอนนี้ก็สองเดือนนิดๆแล้ว สนุกมากค่ะ โฮสใจดีมาก ดูแลเราเป็นอย่างดี เด็กๆมีมีน่ารักบ้าง ปวดหัวบ้าง ซึ่งเราต้องพยายามเราน้องๆให้อยู่ มินนิโซต้าค่อนข้างจะเป็นรัฐออกแนวธรรมชาติ ถ้าอย่างเห็นตึกเยอะๆต้องขับรถเข้าไปในเมือง บ้านของโฮสกิ๊กอยู่ห่างออกมาจากเมืองค่อนข้างเยอะ ประมาณสี่สิบนาทีได้ค่ะ เพราะเขาบอกว่าเขาชอบบ้านที่มีบริเวณบ้านให้ลูกเขาเล่น ไม่ชอบอยู่ติดกับคนอื่นเยอะๆมันดูไม่ค่อยเป็นส่วนตัว